เรื่องราวหนึ่งหน้าในประวัติศาสตร์ของแมทช์ที่น่าทึ่งและโดดเด่น FA Cup

ฟุตบอลถ้วย FA Cup เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนอกจากนี้ยังเป็นถ้วยที่มีความสำคัญอีกหนึ่งถ้วยของ United Kingdom

จากอดีตที่มีการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และ กำหนดสนามการแข่งขันอย่างเป็นทางการของการแข่งนัดชิงชนะเลิศต้องเล่นที่สนาม Wembly ซึ่งในปัจจุบันเมื่อไม่นานมาเท่าไร สนามแห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงใหม่ ทำให้ต้องย้ายไปแข่งขันที่สนาม มิลเลนเนี้ยม สเตเดี้ยม กรุงคาร์ดิฟฟ์ เวลส์

และเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะกลับไปเล่นที่ Wembly อีกครั้งโดยที่จะใช้ชื่อว่า New Wembly ในปี 2007 LIVERPOOL FC. สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยเป็นทีมแรกที่สามารถ คว้าแชมป์ F.A.CUP ได้ที่สนาม มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม กรุงคาร์ดิฟฟ์ เวลส์

การเล่นฟุตบอลในรายการนี้ กฎกติกาจะเป็นการแข่งขันด้วยระบบ Knock Out มนต์ขลังแห่งวงการฟุตบอลเรื่องราวดราม่าจึงเกิดขึ้นมากมายในรายการนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้แพ้ ซึ่งขนาดของถ้วย FA Cup จะมีความสูง 19 นิ้วและหนัก 175 ออนซ์

หนึ่งในเกมการแข่งขันนัดสำคัญที่เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่งใน FA Cup อดีตโค้ชแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จิมมี่ เมอร์ฟี่ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ แห่งการสูญเสียหลังจากเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่เมืองมิวนิค เพียงแค่ 44 วัน ที่นักเตะของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะต้องลงแข่งด้วยนักเตะที่เหลืออยู่ ในรอบรองชนะเลิศกับทีมชั้นนำของยุคนั้นอีกหนึ่งทีม คือ ฟูแล่มในสนามวิลล่า ปาร์ค ผลการแข่งขันในวันนั้นจบลงด้วยสกอร์เสมอกันไปที่ 2-2 และหลังจากนั้น ไม่นานเท่าไรนักเพียงแค่ 4 วันเกมในนัดแก้มือที่สนามไฮบิวรี่ แม้ว่าความสูญเสียจะยังไม่คงจางหายแต่ว่าเกมการแข่งนัดนั้น ปิศาจแดงรวบรวมพลังและจิตใจเข้าไปหนึ่งเดียวเอาชัยชนะเซ่นสังเวยแก่เหล่าผู้ที่จากไปจากโศกนาฏกรรมด้วยสกอร์ 5-3

เกมการแข่งขันในนัดนี้มีความพีคในพีค เกมแข่งขันที่กลายเป็นหนึ่งในครั้งสำคัญของวงการลูกหนังไม่แตกต่างกับปรากฏการของเรือไททานิคของยุคนั้น จุดเริ่มต้นมาจากที่ แมนยูเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 3-0 แต่การมุ่งมั่นของฟูแล่มนั้นก็ไม่แพ้กันเมื่อนำเอาศักดิ์ศรีมาสู้  จอห์นนี่ เฮนส์ ทำประตูไล่ตามตีเสมอแมนยูได้สำเร็จ โอกาสเริ่มเข้าข้างมาทางฟูแล่ม ที่อาจจะมีไปต่อจนถึงการยิงจุดโทษ แต่ก็ยังเป็นความโชคดีอีกครั้งของแมนยูที่กล้ำกลืนฝืนทนช่วงชิงเอาชัยชนะได้ในช่วงท้ายเกม

จอห์นนี่ เฮนส์ พูดถึงเกมการแข่งขันในนัดนั้นว่า ในใจของเขานั้นอยากที่จะพาฟูแล่มไปเข้าชิงและเอาชนะเลิศ แต่สิงที่เกิดขึ้นกับสโมสรแมนยูก่อนหน้านั้นทำให้เขา หรือ แฟนฟุตบอลคนไหนที่จะโกรธกับการที่แมนยูได้เข้าไปชิงชนะเลิศเช่นกัน

จิมมี่ เมอร์ฟี่ บอกว่าเกมการแข่งขันในนัดนั้นเป็นเรื่องราวสุดดราม่าและอยู่ในประวัตศาสตร์หน้าหนึ่งของถ้วย FA Cup และ ประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ถึงแม้สุดท้ายแมนยูจะไม่ได้ชูถ้วยก็ตาม