แบ่งคุณสมบัตินักเตะของการเป็นกองหน้าด้วยทักษะ
หากตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ คือ อะไรก็ได้ที่ยิงประตูได้ แต่ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์กว่านั้น ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไร้ซึ่งจินตนาการทำอะไรตามแบบแผนอย่างเดียวและนำทีมจะชนะได้ เพราะ นอกจากความแตกต่างในด้านความสามารถของนักเตะ ทางด้านการเล่นบอลตามตำราลูกหนังสากล อาจจะกล่าวได้ว่าฟุตบอล มันคือ เกมแห่งการตั้งโจทย์และแก้โจทย์ด้วยแบบแผน ทำให้คุณไม่สามารถเล่นด้วยวิธีการเดิมๆ แล้วจะชนะไปได้ตลอด วิธีการต่างๆเหล่านั้นจึงได้แบ่งแยกรูปแบบกองหน้าตามทักษะที่ควรจะเป็น
องค์ประกอบที่สำคัญของกองหน้า นอกเหนือจากการทำประตูเพียงอย่างเดียว คือ การครอบครองบอลไว้กับตัวเพื่อที่จะให้เพื่อนร่วมทีมเข้ามาช่วยเพื่อทำประตู ทักษะนี้มีผลต่อกองหลังเช่นกัน เพื่อชะลอเกมของคู่ต่อสู้ในการเล่นบอล
ในสมัยเด็กที่เลือกเล่นฟุตบอล ส่วนใหญ่ต้องการจะเป็นกองหน้าทั้งนั้น เพราะ กองหน้านั้นจะเป็นที่จับตามองและโดดเด่นอยู่เสมอ สาเหตุคงเป็นเพราะการทำประตูได้ จะเป็นตัวชี้วัดผลแพ้ชนะได้ทันที ทำให้ต้องดูที่ความสามารถในการเล่นบอลพื้นฐานว่าสิ่งสำคัญที่ต้องมี คืออะไรบ้าง
ถ้าหากกางตำราออกมา เพื่อดูทักษะทางด้านที่ควรจะเป็น ซึ่งทักษะที่ดีของกองหน้าคือความสามารถในการทำประตู จะประกอบไปด้วยสิ่งสำคัญ
- ความรวดเร็ว ว่องไว คล่องตัว อัตราเร่งความเร็วสำหรับการออกตัว ปฏิกิริยาในการตอบสนองการกระทำ
- ความแข็งแกร่งในการครองบอล ความแข็งแรง พละกำลัง ความสมดุลในการเข้าปะทะ
- การจ่ายบอล ไม่ว่าจะเป็นการส่งบอลสั้น ส่งบอลยาว แนวลึก แนวขวาง หรือ Crossing การควบคุมบอลน้ำหนักและทิศทางให้สมดุล
- การเลี้ยงบอลในการครองบอลและกระชากบอลหลบคู่ต่อสู้ ความเร็วในการพาบอลไปกับตัว
- การจบสกอร์ ความเร็วความแรงในการยิง ทิศทางการยิง ยิงระยะใกล้ ยิงระยะไกล การปั่นฟรีคิก
- วิสัยทัศน์ในการควบคุมพื้นที่และช่วงเวลา ทิศทางการบุกพร้อมกับมันสมองประมวลผล
ทักษะต่างๆเหล่านี้เหมาะสมสำหรับผู้ที่จะเป็นกองหน้าอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าหากมีทักษะต่างๆเหล่านี้ครบถ้วน แน่นอนว่าบุคคลนั้นมักจะกลายเป็นที่หมายปองของบรรดาสโมสรเล็กใหญ่ต่างๆมากมาย แต่ด้วยความสามารถเหล่านี้ทำให้เราสามารถจำแนกทักษะกับรูปแบบการเป็นกองหน้าได้ ดังนี้
The Poacher หรือ นักล่าประตู
กองหน้าสายดั้งเดิมที่สุดที่มีมา หน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ การทำประตู ซึ่งจะยืนเป็นกองหน้าตัวหน้าสุดติดกับกองหลังตัวสุดท้ายของทีมฝั่งตรงข้าม หน้าที่ในการทำประตู คือ หาโอกาสรับบอลจากการจ่ายทะลุช่องจากแดนกลาง ในการวิ่งสลัดหนีตัวประกบเรียกว่าเป็นตัวเข้าฮอส ทำให้ไม่ค่อยจะมีหน้าที่ในพื้นที่อื่นๆของสนาม เพราะ เป้าหมายหลักของตำแหน่งนั้นเอง ส่วนใหญ่อยู่ตรงกลางทำประตูในกรอบเขตโทษ ซึ่งจะเป็นนักเตะที่มักอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ ยกตัวอย่างนักเตะที่ทำให้นึกถึง คือ ฟีลิปโป อินซากี้, ชิชาริโต้, ราอูล หรือ รุฟ ฟาน นิสเตลรอย
Centre Forward/ Target Man หรือ หน้าเป้า
หากว่ากันตามตำแหน่ง นี่เป็นกองหน้ารูปแบบดั้งเดิมและคลาสสิกที่สุดอย่างหนึ่ง ที่จะเปลี่ยนทีมธรรมดาให้กลายเป็นทีมชั้นยอดด้วยการมีหน้าเป้าที่สุดยอดสักคนหนึ่งร่วมทีม ซึ่งการเล่นลักษณะนี้จะเป็นการเข้าไปเล่นอยู่ในพื้นที่กรอบเขตโทษของคู่ต่อสู้เป็นหลัก งานหลักของหน้าเป้า คือ มองหน้าไปยังประตูและใช้วิธีไหนก็ได้ในการจบสกอร์ ทุกจังหวะการเข้าถึงบอลต้องผลิตประตูให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการยิงด้วยเท้า หรือ โหม่งด้วยหัว
เรียกง่ายๆว่า การจบ Job แบบ ปิดสกอร์ ทำให้กองหน้าในลักษณะนี้จะเป็นที่มี รูปร่างสูงใหญ่ เล่นลูกกลางอากาศได้ดี และ ยิงแบบใช่โอกาสไม่เปลือง ยกตัวอย่างนักเตะที่ทำให้นึกถึง คือ กาเบรียล บาติสตูต้า, ซลาตัน อีบราฮีมอวิช หรือ มิโลสลาฟ โครเซ่
Advanced Forward หรือ ศูนย์หน้าแบบ Advance
เป็นกองหน้าที่ไม่ได้มีเทคนิคสูงส่ง หรือ ทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม หน้าที่หลัก คือ การยืนพื้นที่แดนหน้าและหาโอกาสในการทำประตู ขยันวิ่งหาตำแหน่ง เรียกได้ว่าในตำแหน่งนี้ คือ จุดศูนย์กลางของเกมบุกในแดนหน้า การสร้างโอกาสและทำประตูจะเป็นหน้าที่หลัก หน้าที่รอง คือ ตามเก็บบอลในแถวสอง หรือ จากการจ่ายบอลที่ผิดพลาด ความสามารถที่โดดเด่นอีกอย่างในตำแหน่งนี้ที่ต้องมี คือ การครองบอล และ ปั้นเกม ยกตัวอย่างนักเตะที่ทำให้นึกถึง คือ ดาบิด บิยา, ซามุแอล เอโต, โรนัลโด, เนย์มาร์ หรือ ตีแยรี อองรี
Deep Lying Forward/Second Strike/ Withdrawn Striker หรือ หน้าต่ำ
เป็นตำแหน่งที่จะเล่นเพื่อสนับสนุนกองหน้าอีกหนึ่งคน ซึ่งจะเป็นเหมือนกองหน้าแอดวานซ์ที่สามารถสร้างเกมสร้างโอกาส โดยตำแหน่งนั้นจะอยู่เยื้องลงมาต่ำอีกหน่อย แต่ยืนอยู่สูงกว่าแผงกองกลาง โดดเด่นทั้งด้านการส่งบอล การยิงประตู และ เลี้ยงบอลเพื่อทะลวงแผงหลังในการทำประตู เรียกได้ว่า เป็นตำแหน่งที่สามารถเล่นได้เอง และ ส่งให้เพื่อนเล่นได้ด้วย
ด้วยรูปแบบและวิธีการเล่น จะทำให้มีพื้นที่ในการเล่นบอลเยอะ และ อิสระในการเล่นบอลมากกว่าทำให้ผู้เล่นในตำแหน่งนี้ส่วนใหญ่อยู่ระดับต้นๆของโลกฟุตบอล และ แน่นอนว่าทุกคนเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ที่ครบเครื่อง ความเร็ว ความแข็งแกร่ง ความคล่องแคล่ว และ สัญชาตญาณการยิงประตู
ยกตัวอย่างนักเตะที่ทำให้นึกถึง คือ อ็องตวน กรีซมันน์, เดนนิส เบิร์กแคม, ลีโอเนียล เมสซี่ (บางแมทซ์) หรือ เวนย์ รูนี่
Defensive Forward หรือ กองหน้าป่วนแนวรับ
เป็นกองหน้าป่วนตัวรับ หรือ ตัวป่วนแนวรับของแนวรุก ตำแหน่งนี้เริ่มปรากฏให้เห็นถึงความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน หรือ อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการบีบให้กองหลังฝั่งตรงข้ามจะทำหน้าที่ไล่กดดันอีกฝ่ายตั้งแต่แดนหน้า และ ประคองเกมให้อยู่ในรูปแบบเกม ตำแหน่งนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเฉพาะกิจในแต่ละนัด ตามสไตล์กุนซือเสียมากกว่า เพราะการที่แนวหน้าจะวิ่งไล่กดดันแนวหลังได้ตลอดทั้งเกม 90 นาที จะต้องเป็นผู้เล่นที่อึดมาก
ผู้ที่เคยเล่นในเล่นตำแหน่งนี้ เวนย์ รูนี่, มาริออ มันจูคิช หรือ ดิเอโก โกสตา
Complete Forward หรือ กองหน้าที่สมบูรณ์แบบ
เป็นกองหน้าสมบูรณ์แบบ เป็นนักเตะที่หาได้ค่อนข้างยาก สามารถทำประตูได้จากทุกรูปแบบ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวมากที่สุด ด้วยการเอาเทคนิคและความสามารถของ Deep Lying Forward มีความสามารถในการเล่นลูกกลางอากาศแบบ Target Man และ วิธีการจบสกอร์ของ The Poacher
เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่มีทั้งเทคนิคและเบสิกบอลที่ดีพร้อมกับการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม ยกตัวอย่างนักเตะที่ทำให้นึกถึง คือ ดีดีเย ดรอกบา, เฟร์นันโด ตอร์เรส, อังเดร เชฟเชนโก้ หรือ คริสเตียนโน โรนัลโด
Trequartista หรือ หน้าต่ำ 3 ส่วน 4
เป็นกองหน้าในสไตล์ playmaker central attacking ตำแหน่งที่ยืนจะอยู่ระหว่างกึ่งกลางกองหน้าเป้ากับหน้าต่ำ ลักษณะการเล่นคล้ายกับ Deep-Lying Forward ส่วนที่แตกต่างระหว่าง Trequartista กับ Deep Lying Forward คือจะไม่ลงไปรับบอลต่ำมากนัก และ ไม่ค่อยได้ประกบผู้เล่น มักจะหายไปจากสายตายได้เสมอ แต่ในหัวจะมีทิศทางในการเล่นเกมบุกอยู่ตลอด บางครั้งผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนี้จะทิ้งเกมรับไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ช่วยประกบตัวผู้เล่นอีกฝ่าย แต่จะเปลี่ยนกระแสของเกมรอบุกสวนกลับ ส่วนใหญ่จะเป็นตัวความหวังของเพื่อนร่วมทีมทุกคน
ผู้เล่นในตำแหน่งนี้จะได้รับสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น สามารถยืนอยู่ในตำแหน่งหน้าต่ำก็ได้ หรือ ยืนในตำแหน่งหน้าเป้าก็ได้ พื้นที่ส่วนใดก็ได้ไม่ได้กำหนดแน่นอนอย่างชัดเจน เรียกได้ว่ามีอิสระในการยืนตำแหน่งมากๆ ยกตัวอย่างให้เข้าใจในบริบทนี้ได้ง่ายๆ คือ ถ้าหากเราทำการแบ่งสนามเป็นสี่ส่วน ผู้เล่นในตำแหน่งนี้สามารถวิ่งไปได้หมดสามส่วน คือ ตั้งแต่หน้าเขตโทษตัวเองจนถึงถึงประตูของฝ่ายตรงข้าม ส่วนที่จะไม่เข้าไปอยู่มีเพียงกรอบเขตโทษของส่วนตัวเองเท่านั้นเอง แต่ต้องแลกมาด้วยการมีเทคนิคที่สูง การจ่ายบอลที่แม่นยำ วิสัยทัศน์และความคิดสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม การจบสกอร์ที่ไร้ที่ติ
ยกตัวอย่างนักเตะที่ทำให้นึกถึง คือ บาจโจ้, เดลปิเอโร่, ต๊อตติ หรือ ลีโอเนียล เมสซี่ (บางแมทซ์)
False Nine หรือ กองหน้าตัวหลอก
เป็นกองหน้าที่ไม่มีกองหน้า หรือ กล่าวได้ว่า ผู้ที่ใช้ระบบ False Nine คือ Johan Cryuff หรือ ที่รู้จักกันในระบบ Total Football ทำให้ทีมไม่มีกองหน้าตัวเป้า จะมี False Nine เป็นนักเตะที่คอยดึงความสนใจจากคู่แข่ง
ข้อดีของการมี False Nine คือ จะทำให้เกมลื่นไหลสำหรับการทำเกมบุก
ข้อเสียของการมี False Nine คือ ไม่มีกองหน้าเป้าที่แท้จริงสำหรับการบุกและทำประตู หากทีมฝ่ายตรงข้ามเล่นตรึงแผงหลัง หรือ zone จะทำประตูได้ยาก
นักเตะที่จะเล่นกองหน้าในตำแหน่งนี้ได้ ต้องมีทักษะในการอ่านเกมได้ดี และ ต้องมีความฉลาดในการจ่ายบอล นอกจากนี้จะต้องทำประตูได้ สร้างสรรค์เกมได้ยอดเยี่ยมและครองบอลได้ดี
ยกตัวอย่างนักเตะที่ทำให้นึกถึง คือ ลีโอเนียล เมสซี่ ในช่วงที่ เป๊ป กลาดิโอลา คุมทีม Barcelona หรือ เชส ฟาเบกัส ทีมชาติสเปนในชุดแชมป์ Euro 2012
สุดท้ายแล้วจะมีใครเป็นฮีโรในดวงใจก็ตาม แต่การเล่นฟุตบอลนั้นขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นและความสามารถของเรา อยากเป็นกองหน้าแบบไหนเทียบตัวเองกับสกิลที่มี และ ทำการฝึกฝน ทำความเข้าใจในตำแหน่งนั้นๆ นักเตะส่วนใหญ่บนโลกตั้งแต่เด็ก จะเล่นประจำอยู่ตำแหน่งเดียว ใครก็ตามที่เป็นกองหน้า ก็จะเล่นกองหน้ามาตลอด ฝึกฝนสกิลการยิงประตู ฝึกฝนสกิลการใช้ร่างกายบังบอลจากคู่แข่ง มีเพียงไม่กี่คนเล่นได้ครบเครื่องและเก่งรอบด้านแบบเมสซี่