เอลกลาซิโก ตำนานความขัดแย้งแห่งความเกลียดชัง

การแข่งขันฟุตบอลที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกหนึ่งคู่ มีประวัติยาวนานมากกว่าศตวรรษ ศึกของขั้วมหาอำนาจวงการลูกหนัง โดยที่ฝ่ายหนึ่งเป็น ราชันย์ เรอัล มาดริด อีกฝ่ายหนึ่งเป็น เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลนา จากสถิติแล้วการแข่งขันแลกลาซิโกนั้น เป็นนัดการแข่งขันฟุตบอลสโมสรที่มีผู้ชมดูการแข่งขันบอลสดมากที่สุดในโลก กว่า 100 ล้านคน

อดีตที่พัดผ่านความเคี่ยวกรำอันโหดร้ายของการแข่งขัน

เอลกลาซิโก นั้นโดยแท้จริงแล้วมาจาก การเมือง และ ประวัติศาสตร์ ว่าด้วยเรื่องชาติ เผ่าพันธุ์ วัฒนธรรม และ ภาษา เป็นอะไรที่มากกว่าเกมการแข่งขันฟุตบอลเพียงอย่างเดียว สาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมากจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีความเกี่ยวข้องกันกับเรื่องราววีรกรรมของนายพลฟรังโก้ สาเหตุที่มีผู้คนหยิบยกมาเป็นประเด็นหลักๆเกิดขึ้นจาก ความขัดแย้งทางการเมือง

El Clásico นั้นจึงกลายเป็นตัวแทนของสองภูมิภาค เหตุการณ์ที่เลวร้าย จากการก่อเรื่องของนายพลฟรังโก้กับสเปนต้องเป็นหนึ่งเดียว ด้วยการกดขี่ทุกสิ่งอย่างกับทุกๆแคว้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แคว้นคาตาโลเนียและบาสก์ ที่ต้องการจะให้พูดภาษาเดียวกันมีวัฒนธรรมเดียวกันแบบไม่แบ่งแยก โดยการลบทุกอย่างออกไป ห้ามพูดภาษาท้องถิ่น ห้ามใช้ธงประจำแคว้น เรียกได้ว่าเป็นการใช้กำลังแบบชาตินิยมสุดๆ ทีมบาร์เซโลนา เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของแคว้นคาตาโลเนีย หรือ คาตาลุนญ่า กับ เรอัล มาดริด ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของเมืองหลวงสเปน หรือ ในอดีตคือแคว้นคาสเติล

สิ่งที่ทำให้เกิดความสะเทือนใจของเหตุการณ์ต่างๆระหว่างสองสโมสรนี้ คือ การที่ลูกสมุนของนายพลฟรังโก้ลอบสังหารโฆเซป ซูโยล อดีตประธานสโมสรของบาร์เซโลนา และ แต่งตั้งลูกน้องคนนั้นให้เป็นประธานสโมสร และ ใช้อำนาจเพื่อที่จะทำให้บาร์เซโลนา ล้มละลายจากภายใน  สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับชาวคาตาลัน นอกจากนี้อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจทางการทหารที่ลงมาสู่วงการลูกหนังได้เป็นอย่างดี คือ การประกาศทั่วแผ่นดินสเปน ถึงความกรุณาของรัฐบาลถึงทำให้บาร์เซโลนายังสามารถเล่นกับเรอัล มาดริดได้เหตุการณ์ฟุตบอลโคตรมหาโกง ถูกจารึกไว้อย่างสวยหรูกับสกอร์ 11-1 ที่ใช้กำลังทหารเข้ามาต้อนรับนักฟุตบอลพร้อมล้อมห้องแต่งตัว นอกจากนี้กรรมการ ยังเป็นของฝ่ายเรอัล มาดริดอีกด้วยด้วยสาเหตุต่างๆเหล่านี้ทำให้ศึกในเอลกาซิโก้เป็นการแลกหมัดต่อสู้กันด้วยทุกสิ่งที่อย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็นนักเตะ เรื่องราว การวางแผนคุมทีม ผู้จัดการ และ การมีชัยชนะเหนือกว่ากัน

ยุคสมัยที่ได้รับการกล่าวขานของวงการฟุตบอลเอลกราซิโก้ อยู่ในช่วงที่ยอดนักเตะ 2 คนขับเคี่ยวต่อสู้ในศึกใหญ่เอลกราซิโก้ คือ  ลีโอเนียล เมสซี่ และ คริสเตียนโน โรนัลโด ซึ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการพบกันของศึกครั้งนี้ เมสซี่ ขึ้นยานเล่นกับทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลนาในปี 2004  และ โรนัลโด ย้ายเข้าสู่รังของราชันย์ชุดขาวในปี 2009 ความดุเดือนของศึกเอลกราซิโก้นั้นคงความดุเดือนและรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับการลงเล่น 38 เกมในเอล กลาซิโกเกม เมสซี่ ยิง 26 ประตู 14 แอสซิสต์ และ สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม 68 ครั้ง ทางส่วนของโรนัลโด ยิง 18 ประตู 1 แอสซิสต์ และ สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม 15 ครั้ง จะเห็นได้ว่านี่ คือ สงครามกลางเมืองแบบย่อมๆ ของ สเปนก็ว่าได้